ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าการเรียนต่อในต่างประเทศกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของน้องๆ นักเรียนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาและมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลก หากน้องๆ กำลังสนใจเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าการเรียนต่อที่อังกฤษหลังจบ ม.5 เป็นไปได้อย่างไรบ้าง รวมถึงขั้นตอนและประโยชน์ที่น้องๆ จะได้รับจากการศึกษาต่อในประเทศอังกฤษกัน
ระบบการศึกษาของอังกฤษ
ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเรื่องของมาตรฐานการศึกษาที่สูงและมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้นักเรียนจากทั่วโลกสามารถเตรียมตัวเข้าสู่การศึกษาระดับปริญญาตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับนักเรียนไทยที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 (ม.5) ก็มีหลายเส้นทางในการเตรียมตัวเข้าสู่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ โดยสามารถเลือกเรียนในหลักสูตรที่เหมาะสมตามความต้องการและพื้นฐานของนักเรียน แต่ละหลักสูตรมีลักษณะและระยะเวลาการเรียนที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. A-Level
- A-Level (Advanced Level) เป็นหลักสูตรที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ปีและเป็นมาตรฐานสากลสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในอังกฤษ นักเรียนจะได้เลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่ต้องการศึกษาต่อในอนาคต
- หลักสูตร A-Level ถือว่าเป็นหลักสูตรที่มีการเจาะลึกเนื้อหาวิชาในระดับสูง และการเรียน A-Level จะมุ่งเน้นไปที่การเตรียมตัวสอบปลายภาค ซึ่งคะแนนสอบ A-Level จะมีผลโดยตรงในการพิจารณาการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย
- นักเรียนส่วนใหญ่จะเลือกเรียน 3-4 วิชาที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่ต้องการสมัครเรียนในระดับปริญญาตรี เช่น ถ้าสนใจเรียนวิศวกรรมศาสตร์ อาจเลือกเรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี
- ระยะเวลาเรียน: 2 ปี
2. Foundation Year
- Foundation Year เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในอังกฤษแต่ยังไม่ได้ผ่านการศึกษาที่ครบถ้วนตามระบบของอังกฤษ เช่น นักเรียนที่จบ ม.5 และยังไม่ได้เรียนจบ ม.6 หรือ A-Level สามารถลงทะเบียนเรียนหลักสูตรนี้เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าสู่ระดับปริญญาตรีได้
- หลักสูตรนี้เน้นการเสริมสร้างความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเรียนในสาขาวิชาที่นักเรียนเลือก เช่น ความรู้ทางวิชาการทั่วไป ทักษะการวิจัย การคิดวิเคราะห์ และการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
- Foundation Year ยังช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้าสู่ระบบการศึกษาและการใช้ชีวิตในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น ก่อนที่จะเริ่มการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
- ระยะเวลาเรียน: 1 ปี
3. International Baccalaureate (IB)
- International Baccalaureate (IB) เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีการเรียนการสอนในระดับสากล ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก รวมถึงในประเทศอังกฤษ
- หลักสูตร IB ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนมีความรู้รอบด้านและพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ซึ่งนักเรียนจะต้องเรียนวิชาหลัก 6 วิชาจากกลุ่มวิชาที่กำหนดไว้ เช่น วิชาภาษา วรรณคดี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศาสตร์
- หลักสูตร IB ยังมีโครงงานด้านการวิจัยและโครงการบริการสังคมที่นักเรียนต้องทำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผล
- นักเรียนที่จบหลักสูตร IB สามารถสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษหรือประเทศอื่น ๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการเรียน Foundation Year หรือ A-Level
- ระยะเวลาเรียน: 2 ปี
4. International Year One
- สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่ดีพอ บางมหาวิทยาลัยในอังกฤษมีหลักสูตร International Year One ซึ่งเป็นหลักสูตรแบบย่อของปีแรกในระดับปริญญาตรี นักเรียนสามารถเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ทันที โดยไม่ต้องเรียน Foundation Year
- หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่พร้อมเรียนในระดับปริญญาตรีแต่ต้องการความช่วยเหลือด้านภาษาอังกฤษและการปรับตัวในช่วงเริ่มต้น
- ระยะเวลาเรียน: 1 ปี
การเปรียบเทียบหลักสูตรก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
หลักสูตร | ระยะเวลาเรียน | เหมาะสำหรับ | ผลที่ได้เมื่อสำเร็จการศึกษา |
---|---|---|---|
A-Level | 2 ปี | นักเรียนที่ต้องการเรียนเฉพาะวิชาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย | เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้โดยตรง |
Foundation Year | 1 ปี | นักเรียนที่ต้องการเตรียมตัวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย | เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสาขาที่กำหนด |
IB | 2 ปี | นักเรียนที่ต้องการการศึกษาที่ครอบคลุมและยอมรับทั่วโลก | สมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษหรือประเทศอื่นได้ทันที |
International Year One | 1 ปี | นักเรียนที่พร้อมเรียนในระดับปริญญาตรี | เริ่มต้นการเรียนในปีแรกของมหาวิทยาลัย |
การเลือกหลักสูตรก่อนเข้ามหาวิทยาลัยนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักเรียนแต่ละคน หลักสูตรเหล่านี้ไม่เพียงแต่เตรียมความรู้ในด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้าสู่สังคมและการศึกษาในประเทศอังกฤษได้อย่างราบรื่น
คุณสมบัติและเกณฑ์การรับสมัคร
สำหรับนักเรียนที่เพิ่งจบ ม.5 สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในหลักสูตรปรับพื้นฐาน (Foundation Year) ผ่านตัวแทนมหาวิทยาลัยต่างๆ (Pathway provider) หรือหลักสูตร A-Level ได้ในโรงเรียน Boarding School หลักสูตรเหล่านี้มีเกณฑ์การรับสมัครที่ต่างกันไปตามมหาวิทยาลัย แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อกำหนดด้านภาษาอังกฤษ เช่น ควรมีคะแนนสอบ IELTS หรือ TOEFL ในระดับที่เหมาะสม
สำหรับบางมหาวิทยาลัย หากนักเรียนมีผลการเรียนดีและมีทักษะภาษาอังกฤษเพียงพอ ก็สามารถสมัครเข้าเรียนหลักสูตร International Year One ซึ่งเป็นการเรียนในปีแรกของปริญญาตรีแบบย่อได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าน Foundation Year ด้วย
ประโยชน์ของการเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ
การเลือกเรียนต่อที่อังกฤษมีข้อดีมากมาย ไม่เพียงแต่การศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกหลายประการ เช่น
- ระยะเวลาการศึกษา: หลักสูตรปริญญาตรีในอังกฤษโดยทั่วไปใช้เวลาเพียง 3 ปี ซึ่งสั้นกว่าหลายประเทศ ทำให้นักเรียนสามารถจบการศึกษาและเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้น
- โอกาสทำงานระหว่างเรียน: นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้สูงสุด 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในระหว่างเรียน ซึ่งเป็นโอกาสในการหาเงินเพิ่มและได้รับประสบการณ์ทำงานในสังคมต่างประเทศ
- คอนเน็คชั่นระดับโลก: ด้วยการเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจากหลายประเทศ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่น้องๆ จะได้สร้างคอนเน็คชั่นกับเพื่อนๆ ในระหว่างที่เรียนและทำงานทำงาน เรียนรู้การปรับตัวกับเพื่อนๆ จากทั่วโลก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต
ทุนการศึกษาและโอกาสทางการเงิน
นักเรียนไทยที่ต้องการศึกษาต่อที่อังกฤษสามารถสมัครขอรับทุนการศึกษาต่าง ๆ ได้เช่นกัน มีมหาวิทยาลัยและองค์กรหลายแห่งที่ให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติที่มีความสามารถ ทุนการศึกษาเหล่านี้ครอบคลุมค่าเล่าเรียนบางส่วนหรือทั้งหมด รวมถึงทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
นอกจากนี้ นักเรียนยังสามารถพิจารณาแผนการเงินที่เหมาะสม เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือการวางแผนค่าใช้จ่ายล่วงหน้าโดยการคำนวณค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการดำเนินชีวิต
ขั้นตอนการสมัครเรียน
การสมัครเรียนต่อที่อังกฤษสามารถทำได้ผ่านระบบ UCAS (Universities and Colleges Admissions Service) ซึ่งเป็นระบบสมัครกลางที่นักเรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยและสาขาวิชาที่สนใจ จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัวและอัปโหลดเอกสารประกอบ เช่น ผลการเรียน ผลสอบภาษาอังกฤษ จดหมายแนะนำตัว (Personal Statement) และจดหมายรับรองจากครูหรืออาจารย์
หลังจากส่งใบสมัครผ่าน UCAS นักเรียนจะได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งสามารถเลือกตอบรับข้อเสนอที่ดีที่สุดได้
ขั้นตอนการยื่นวีซ่าสำหรับนักเรียนไทย
การยื่นวีซ่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่อในอังกฤษ ซึ่งประเภทวีซ่าที่นักเรียนส่วนใหญ่จะต้องยื่นขอคือ Student Visa (Tier 4) สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาหลักสูตรในระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
1. ตรวจสอบคุณสมบัติการขอวีซ่า
นักเรียนที่ต้องการขอวีซ่าประเภท Student Visa จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
- ได้รับการตอบรับจากสถาบันการศึกษาในอังกฤษ: นักเรียนต้องได้รับเอกสารรับรองที่เรียกว่า CAS (Confirmation of Acceptance for Studies) จากสถาบันการศึกษาที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษ ซึ่ง CAS จะมีข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรที่นักเรียนลงทะเบียนเรียน และเป็นเอกสารสำคัญในการยื่นขอวีซ่า
- มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ: ต้องมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL หรือข้อสอบที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานอังกฤษตามเกณฑ์ของสถาบัน
- มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอ: นักเรียนต้องแสดงหลักฐานทางการเงินว่ามีเงินเพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพในระหว่างการศึกษาในอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีเงินในบัญชีธนาคารไม่น้อยกว่า 28 วันก่อนวันยื่นวีซ่า
2. เตรียมเอกสารประกอบการขอวีซ่า
นักเรียนต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ สำหรับยื่นวีซ่า ดังนี้:
- พาสปอร์ต ที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบรับรอง CAS จากสถาบันการศึกษา
- ผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL
- หลักฐานทางการเงิน เช่น รายการเดินบัญชีหรือหนังสือรับรองเงินฝาก เพื่อยืนยันว่ามีเงินเพียงพอสำหรับการศึกษาและการใช้ชีวิตในอังกฤษ
- ใบรับรองการตรวจสุขภาพ (Tuberculosis Test) สำหรับนักเรียนที่พำนักในประเทศไทยมากกว่า 6 เดือน ซึ่งต้องทำการตรวจโรคปอด (วัณโรค) ที่ศูนย์ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลอังกฤษ
3. กรอกแบบฟอร์มและชำระค่าธรรมเนียม
นักเรียนต้องกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ของ UK Visas and Immigration (UKVI) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลการยื่นขอวีซ่าสำหรับประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ นักเรียนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าและ IHS (Immigration Health Surcharge) ซึ่งเป็นค่าบริการด้านสุขภาพที่นักเรียนต้องจ่ายล่วงหน้าเพื่อให้สามารถใช้บริการของระบบ NHS (National Health Service) ในอังกฤษได้ ค่าธรรมเนียมนี้คำนวณตามระยะเวลาของการศึกษาในอังกฤษ
4. นัดหมายและเข้ารับการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริกส์
หลังจากกรอกแบบฟอร์มและชำระค่าธรรมเนียม นักเรียนต้องนัดหมายเพื่อเข้ารับการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริกส์ที่ศูนย์รับยื่นขอวีซ่า (Visa Application Centre) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องการเก็บลายนิ้วมือและถ่ายรูป
ในระหว่างขั้นตอนนี้ นักเรียนจะต้องเตรียมเอกสารทุกฉบับที่จำเป็นมาแสดงพร้อมกับแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าที่กรอกไว้ล่วงหน้า
5. รอผลการพิจารณาวีซ่า
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดแล้ว นักเรียนจะต้องรอการพิจารณาผลการขอวีซ่า โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ นักเรียนสามารถติดตามสถานะการยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ของ UKVI
6. เตรียมตัวเดินทางหลังได้รับวีซ่า
เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติ นักเรียนจะได้รับ BRP (Biometric Residence Permit) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้สำหรับการพักอาศัยในอังกฤษ นักเรียนควรตรวจสอบรายละเอียดในวีซ่าอย่างละเอียด เช่น ชื่อ-นามสกุล ระยะเวลาวีซ่า และข้อกำหนดการทำงานพาร์ทไทม์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการขอวีซ่า
- ควรเตรียมเอกสารทั้งหมดล่วงหน้าให้ครบถ้วนและตรงตามข้อกำหนด เพื่อป้องกันความล่าช้าในการพิจารณาวีซ่า
- ควรตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ตและทำการต่ออายุก่อนหากพาสปอร์ตใกล้หมดอายุ
- อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลขณะอยู่อังกฤษ
การยื่นขอวีซ่าสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่อที่อังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก หากเตรียมความพร้อมและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง นักเรียนจะสามารถเข้าสู่การศึกษาในประเทศที่มีระบบการศึกษาระดับโลกได้อย่างไม่มีอุปสรรค
ชีวิตการเรียนและการใช้ชีวิตในอังกฤษ
นอกจากการเตรียมตัวด้านการเรียนแล้ว การใช้ชีวิตในต่างประเทศก็เป็นประสบการณ์ที่ท้าทาย การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ วัฒนธรรม และสังคมในอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญ
นักเรียนจะต้องทำความรู้จักกับระบบขนส่งสาธารณะ การหาที่พักทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย และการใช้ชีวิตในเมืองต่าง ๆ ของอังกฤษ เช่น ลอนดอน แมนเชสเตอร์ หรือเมืองเล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศสงบ
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเดินทาง เช่น การขอวีซ่านักเรียน การจัดกระเป๋าเดินทาง รวมถึงการเตรียมเอกสารสำคัญที่ต้องใช้เมื่อถึงอังกฤษ
โอกาสหลังเรียนจบ
หนึ่งในข้อดีสำคัญของการเรียนต่อที่อังกฤษคือโอกาสในการทำงานหลังจากจบการศึกษา นักเรียนต่างชาติสามารถขอวีซ่า Graduate Route ซึ่งอนุญาตให้ทำงานในอังกฤษได้เป็นระยะเวลา 2 ปีหลังเรียนจบ (หรือ 3 ปีหากจบในระดับปริญญาเอก)
โอกาสนี้เปิดทางให้นักเรียนต่างชาติได้รับประสบการณ์การทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ รวมถึงโอกาสในการขยายเครือข่ายและก้าวสู่การทำงานในระดับสากล
บริการจาก GoUni: ที่ปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร
สำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือและคำปรึกษาในการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ GoUni ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อต่างประเทศมีบริการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การสมัครเรียน ไปจนถึงการเตรียมตัวก่อนเดินทาง โดยบริการหลัก ๆ ของ GoUni มีดังนี้:
- ให้คำปรึกษาเลือกคอร์สและมหาวิทยาลัย
- ทีมที่ปรึกษาของ GoUni จะช่วยนักเรียนค้นหาหลักสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของนักเรียน โดยพิจารณาจากข้อมูลส่วนตัว ความสนใจ สาขาวิชา และเป้าหมายในอนาคต พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาที่ตรงกับความต้องการ
- สมัครเรียนกับสถาบันที่ผู้เรียนสนใจ
- GoUni จะช่วยนักเรียนในกระบวนการสมัครเรียน ไม่ว่าจะเป็นการกรอกแบบฟอร์ม การเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น จดหมายแนะนำตัว (Personal Statement) และการจัดการส่งใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาที่นักเรียนสนใจ
- ติดตามผลการสมัคร
- เมื่อยื่นใบสมัครไปแล้ว ทีมงาน GoUni จะคอยติดตามผลการสมัครและประสานงานกับมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักเรียนได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วและมั่นใจในทุกขั้นตอน
- ช่วยเหลือในการยื่นวีซ่า
- GoUni ยังให้บริการช่วยเหลือด้านการยื่นขอวีซ่า โดยให้คำปรึกษาในการเตรียมเอกสารทั้งหมด เช่น ผลสอบภาษาอังกฤษ ใบรับรองการเงิน และเอกสารประกอบอื่น ๆ รวมถึงการกรอกแบบฟอร์มยื่นวีซ่าออนไลน์ และนัดหมายการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริกส์
- จัดการปฐมนิเทศก่อนบิน
- ก่อนนักเรียนเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ GoUni จะจัดการปฐมนิเทศ (Pre-Departure Briefing) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในเรื่องของการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าเพิ่มเติม การหาที่พัก การเดินทางภายในเมือง และคำแนะนำด้านการใช้ชีวิตในอังกฤษ
ด้วยบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนจนถึงการเตรียมตัวก่อนเดินทาง GoUni ช่วยให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถวางใจในทุกขั้นตอนของการเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้การเดินทางไปศึกษาที่อังกฤษเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล
สรุป
การเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษสำหรับนักเรียนไทยที่จบ ม.5 เป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยระบบการศึกษาที่เปิดกว้าง คุณภาพระดับโลก และโอกาสที่มาพร้อมกับการเรียนและการทำงาน นักเรียนไทยสามารถสร้างเส้นทางการศึกษาและอาชีพที่น่าตื่นเต้นในต่างแดนได้
สนใจอยากเรียนต่ออังกฤษ สามารถสอบถามพี่ๆ GoUni ได้เลย