GoUni – เรียนต่อต่างประเทศ

การเรียนต่อต่างประเทศเป็นความฝันของหลายๆ คน โดยเฉพาะการเรียนต่ออังกฤษที่มีชื่อเสียงทางด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก ในบทความนี้ เราจะพาน้องๆ ไปสำรวจการเตรียมตัวสำหรับการเรียนต่อที่อังกฤษ ทั้งด้านการสมัคร วีซ่า และประสบการณ์ที่น้องๆ จะได้พบเมื่อไปถึง

เรียนต่ออังกฤษ

ยาวไป เลือกอ่านได้

1. ทำไมควรเลือกเรียนต่อที่อังกฤษ

1.1 มาตรฐานการศึกษาสูง

มหาวิทยาลัยในอังกฤษมีชื่อเสียงในระดับโลก อย่างเช่น University of Oxford, University of Cambridge และ London School of Economics นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอีกมากมาย เช่น University of Bath, Durham University, Lancaster University, Queen Mary University of London เป็นต้น การเรียนต่อที่นี่ไม่เพียงแต่ให้น้องๆ ได้ความรู้ที่เข้มข้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการหางานในอนาคตด้วย

1.2 ระบบการศึกษาเน้นพัฒนาทักษะ

หลักสูตรการเรียนที่อังกฤษมักเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การวิจัย และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในโลกปัจจุบัน

2. การเลือกมหาวิทยาลัยและหลักสูตร

2.1 การเลือกมหาวิทยาลัย

น้องๆ ควรเลือกมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งในด้านวิชาการและความสนใจส่วนตัว เช่น ถ้าสนใจด้านธุรกิจ London Business School ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าสนใจวิทยาศาสตร์การแพทย์ University of Edinburgh ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ

2.2 การเลือกหลักสูตร

นอกจากการเลือกมหาวิทยาลัยแล้ว การเลือกหลักสูตรที่เหมาะสมกับความสนใจและเป้าหมายของน้องๆ ก็สำคัญเช่นกัน ฉะะนั้นเราควรศึกษาหลักสูตรให้ละเอียด โดยดูเนื้อหาที่สอน รูปแบบการเรียน และโอกาสในการฝึกงาน

3. การเตรียมเอกสารการสมัคร

3.1 เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม

การสมัครเรียนต่ออังกฤษต้องใช้เอกสารหลายอย่าง เช่น

  • Transcript ผลการเรียน
  • Statement of Purpose (SOP)
  • จดหมายรับรองจากอาจารย์ (Recommendation Letter)

การเขียน SOP เป็นสิ่งสำคัญที่น้องๆ ต้องใส่ใจ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงถึงตัวตนของเรา ว่าทำไมเราถึงอยากเรียนหลักสูตรนั้น และทำไมมหาวิทยาลัยควรรับเราเข้าเรียน

สนใจอยากเรียนต่ออังกฤษ สามารถสอบถามพี่ๆ GoUni ได้เลย

สอบถามข้อมูลเรียนต่อต่างประเทศกับโกยูนิ ดูแลฟรีทุกขั้นตอน

สอบถาม GoUni

4. การเตรียมตัวสำหรับการสอบภาษาอังกฤษ

4.1 สอบ IELTS หรือ TOEFL

การเรียนต่อที่อังกฤษจำเป็นต้องมีผลการสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL โดยคะแนนที่มหาวิทยาลัยต้องการจะแตกต่างกันไป แต่คะแนน IELTS มักจะอยู่ที่ประมาณ 6.5-7.0 ขึ้นไป

4.2 การเตรียมตัวสอบ

ควรเตรียมตัวสำหรับการสอบภาษาอังกฤษอย่างน้อย 3-6 เดือน โดยศึกษาจากหนังสือ หรือสมัครเรียนคอร์สที่เน้นการเตรียมตัวสอบเฉพาะทาง

5. การขอวีซ่านักเรียน (Tier 4)

5.1 ประเภทของวีซ่า

วีซ่าสำหรับการเรียนต่อที่อังกฤษเรียกว่า “Tier 4 (General Student Visa)” ซึ่งน้องๆ สามารถยื่นขอวีซ่าได้เมื่อได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้ว

5.2 ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า

สำหรับขั้นตอนนี้ น้องๆ ต้องเตรียมเอกสารต่างๆ เช่น จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย หลักฐานทางการเงิน และผลการสอบภาษาอังกฤษ หลังจากยื่นเอกสารแล้วเราอาจต้องเข้ารับการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ของสถานทูตด้วยหากมีการแจ้งหรือกำหนดไว้

อ่านเรื่องการขอวีซ่าอังกฤษได้ที่นี่ : สถานที่ยื่นวีซ่าของประเทศอังกฤษย้ายที่แล้ว

6. การจัดเตรียมค่าใช้จ่าย

6.1 ค่าเล่าเรียน

ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติในอังกฤษจะแตกต่างกันไปตามมหาวิทยาลัยและหลักสูตร โดยค่าใช้จ่ายสำหรับปริญญาตรีอาจอยู่ระหว่าง £10,000-£38,000 ต่อปี ขณะที่ปริญญาโทอาจสูงถึง £30,000-£50,000 ต่อปี

6.2 ค่าครองชีพ

ค่าครองชีพในอังกฤษก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะหากน้องๆ อยู่ในเมืองใหญ่เช่น ลอนดอน ค่าที่พัก การเดินทาง และค่าอาหารอาจสูงถึง £1,200-£1,500 ต่อเดือน

7. ประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตในอังกฤษ

7.1 การปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่

การย้ายไปเรียนต่างประเทศอาจทำให้น้องๆ ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ทั้งในด้านวัฒนธรรม อากาศ และวิธีการใช้ชีวิต ดังนั้น ควรเตรียมตัวเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ เพื่อให้เราสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

7.2 การหางานพิเศษ

ในฐานะนักศึกษาต่างชาติ น้องๆ สามารถทำงานพิเศษได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการหารายได้เสริมและฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. จำเป็นต้องมีทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อที่อังกฤษหรือไม่?

ไม่จำเป็น แต่ทุนการศึกษาเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียน

2. มหาวิทยาลัยใดที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนต่อในอังกฤษ?

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในการเรียนต่อในอังกฤษก็คือมหาวิทยาลัยที่มีสาขาและคอร์สเรียนที่ตรงกับความต้องการของเรานั่นเอง แน่นอนว่าใครๆ ก็รู้จักมหาวิทยาลัยอย่าง Oxford, Cambridge ฯลฯ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัสไม่ใช่เฉพาะชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่คือสิ่งที่เราต้องการศึกษา เนื้อหาวิชา ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะใช้ตอบด้วยว่าที่ใดจะเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับเรา

3. เรียนต่อที่อังกฤษมีข้อดีอะไรบ้าง?

ข้อดีหลักๆ คือมาตรฐานการศึกษาสูง การพัฒนาทักษะวิจัย และโอกาสในการสร้างเครือข่ายระดับโลก

4. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการเรียนต่อที่อังกฤษเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพอาจอยู่ระหว่าง £20,000-£60,000 ต่อปี ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและที่ตั้ง

5. ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการขอวีซ่านักเรียน?

กระบวนการขอวีซ่านักเรียนใช้เวลาประมาณ 3-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเทศที่น้องๆ ยื่นคำขอ

เรียนต่ออังกฤษ 02

8. การเตรียมตัวด้านที่พัก

8.1 การเลือกที่พักนักศึกษา

เมื่อเราได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้ว การเตรียมตัวหาที่พักเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น้องๆ ต้องทำ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีหอพักนักศึกษาในแคมปัสหรือใกล้เคียง เราสามารถเลือกที่พักได้หลายประเภท เช่น หอพักในมหาวิทยาลัย อพาร์ทเมนท์ หรือแชร์บ้านกับเพื่อนนักเรียน ที่พักในมหาวิทยาลัยมักจะสะดวกและปลอดภัย แต่ค่าเช่าอาจสูงขึ้นในบางเมือง

8.2 การหาที่พักนอกมหาวิทยาลัย

หากน้องๆ ไม่ต้องการพักในมหาวิทยาลัยก็สามารถหาที่พักนอกแคมปัสได้ เช่น การเช่าห้องในบ้านร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆ หรือการเช่าอพาร์ทเมนท์ส่วนตัว ควรเลือกที่พักที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเพื่อความสะดวกในการเดินทาง และควรตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

9. การจัดเตรียมประกันสุขภาพ

9.1 การสมัครประกันสุขภาพในอังกฤษ

นักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนต่อที่อังกฤษต้องสมัครประกันสุขภาพหรือที่เรียกว่า NHS (National Health Service) ซึ่งจะครอบคลุมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าร่วม NHS ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่น้องๆ จะอยู่ในประเทศ โดยจะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพในขั้นตอนการขอวีซ่า

9.2 ประกันสุขภาพส่วนตัว

นอกจาก NHS แล้ว นักศึกษาบางคนอาจเลือกทำประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลที่ NHS อาจไม่ครอบคลุม เช่น การรักษาทางทันตกรรม หรือการรักษาเฉพาะทาง

10. การปรับตัวกับสังคมและวัฒนธรรม

10.1 เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่

การย้ายมาอยู่ในประเทศใหม่อาจทำให้ต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แตกต่างจากที่เคยรู้จัก เช่น การปฏิบัติตามมารยาทสังคม การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน และการเปิดใจยอมรับวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น ควรเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ

10.2 เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม

การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นจะช่วยให้น้องๆ มีเพื่อนใหม่และสร้างคอนเน็คชั่นของเราได้อย่างรวดเร็ว การเข้าร่วมชมรมหรือองค์กรนักศึกษาเป็นวิธีที่ดีในการเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ คนไทยและเพื่อนต่างชาติได้ดีมากๆ เลย

11. การกลับมาทำงานหลังจากเรียนจบ

11.1 โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ

หลังจากเรียนจบ นักศึกษาต่างชาติสามารถขอวีซ่าประเภท Graduate Route ซึ่งอนุญาตให้น้องๆ ทำงานในอังกฤษได้ 2 ปี (สำหรับปริญญาตรีและโท) และ 3 ปี (สำหรับปริญญาเอก) นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ

11.2 การเตรียมตัวสมัครงานในอังกฤษ

น้องๆ ควรเริ่มต้นค้นหางานและเตรียมประวัติส่วนตัว (CV) และจดหมายสมัครงานในช่วงท้ายของการเรียน การฝึกฝนทักษะการเขียน CV ให้ตรงตามมาตรฐานสากลและการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ ประสบความสำเร็จในการสมัครงาน

ตามติดชีวิตน้องแยม #เด็กโกยูนิ เรียนจบแล้วได้ทำงานที่อังกฤษ! ชีวิตต้องสู้ขนาดไหน ดูได้ที่คลิปนี้เลย

สรุป

การเรียนต่ออังกฤษเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาทั้งด้านการศึกษาและประสบการณ์ชีวิต การเตรียมตัวในทุกๆ ด้านอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ ประสบความสำเร็จและสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่นในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกมหาวิทยาลัย การขอวีซ่า การจัดการเรื่องการเงิน หรือการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและสังคมใหม่ การเรียนต่อที่อังกฤษจะเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและเป็นการลงทุนในอนาคตของน้องๆ เอง


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. เรียนต่ออังกฤษต้องใช้ทุนหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องมีทุน แต่ถ้าน้องๆ สามารถขอทุนการศึกษาได้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก ทุนการศึกษามีให้เลือกหลากหลายทั้งจากรัฐบาลอังกฤษ มหาวิทยาลัย หรือองค์กรต่างๆ

2. การสอบ IELTS สำคัญแค่ไหนในการเรียนต่ออังกฤษ?

IELTS เป็นข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับนักศึกษาต่างชาติในการสมัครเรียนต่อที่อังกฤษ คะแนน IELTS จะแตกต่างกันไปตามมหาวิทยาลัยและหลักสูตร แต่คะแนนที่แนะนำคือ 6.5 ขึ้นไป

3. ค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าเรียนต่ออังกฤษเท่าไหร่?

ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักเรียน Tier 4 อยู่ที่ประมาณ £348 นอกจากนี้น้องๆ ยังต้องชำระค่าประกันสุขภาพ NHS เพิ่มเติมตามระยะเวลาที่อยู่ในอังกฤษด้วย

4. การหาที่พักสำหรับนักศึกษาในอังกฤษยากหรือไม่?

การหาที่พักนักศึกษาในอังกฤษไม่ยาก แต่ควรเริ่มต้นหาก่อนเปิดเทอมอย่างน้อย 2-3 เดือน โดยมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีที่พักในแคมปัสหรือที่พักสำหรับนักศึกษาให้เลือก ในส่วนนี้พี่ๆ GoUni จะช่วยเหลือน้องๆ ได้ค่ะ

5. หลังจากเรียนจบสามารถทำงานในอังกฤษได้หรือไม่?

สามารถทำงานได้ โดยนักศึกษาสามารถขอวีซ่า Graduate Route ซึ่งจะอนุญาตให้น้องๆ ทำงานในอังกฤษได้ 2-3 ปีขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาของน้องๆ (ถ้าจบระดับปริญญาโท สามารถอยู่ได้ 2 ปี ถ้าจบระดับปริญญาเอก สามารถอยู่ต่อได้ 3 ปี)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *