พี่ๆ GoUni เชื่อว่าการเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของน้องๆ หลาย ๆ คนที่ต้องการพัฒนาตัวเองทั้งในด้านการศึกษาและอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง การเพิ่มพูนทักษะ และการสร้างคอนเน็คชั่นกับเพื่อนๆ จากทั่วโลก ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจแนวทางต่าง ๆ ที่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ!

1. เหตุผลที่ควรเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ

แน่นอนว่าการเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเรา การเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก หรือแม้กระทั่งการเพิ่มโอกาสในการทำงานในสายอาชีพที่น้องๆ ใฝ่ฝัน อีกสิ่งสำคัญคือน้องๆ ยังสามารถสร้างคอนเน็คชั่นกับเพื่อนนักเรียนและอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคตอย่างแน่นอน

2. หลักสูตรปริญญาโทที่น้องๆ ควรพิจารณามีอะไรบ้าง

การเลือกหลักสูตรที่เหมาะสมกับน้องๆ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เลยล่ะค่ะ เช่น หลักสูตร MBA ที่เน้นด้านการบริหารธุรกิจ หรือ MSc สำหรับสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้การจะเลือกว่าหลักสูตรไหนที่น่าเรียนหรือเหมาะกับเรา ก็ควรพิจารณาจากเป้าหมายของตัวเองเป็นหลักว่าต้องการเสริมทักษะด้านใดเป็นพิเศษและจะใช้ประโยชน์จากการศึกษาต่ออย่างไรในอนาคต

น้องๆ หลายคนที่พี่ๆ GoUni ให้คำปรึกษาจึงมักเริ่มต้นจากการบอกเล่าข้อมูลก่อนว่าเป้าหมายในการเรียนคืออะไร หรือมีแผนการทำงานในอนาคตอย่างไร ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถช่วยแนะนำคอร์สเรียนให้กับน้องๆ ได้อย่างตรงจุดและคุ้มค่ากับการจ่ายเงินก้อนใหญ่ในการไปเรียนครั้งนี้ของน้องๆ นั่นเอง

ยกตัวอย่างกรณีที่น้องๆ อยากทำงานในสายธุรกิจ เป็นเจ้าของธุรกิจ, ผู้บริหารในแผนกงานต่างๆ, นักพัฒนาธุรกิจ, ที่ปรึกษาทางธุรกิจ หลักสูตรสาย Business and Management ก็จะเหมาะกับน้องๆ กลุ่มนี้ สาขาน่าเรียน ได้แก่ Business Management, Entrepreneurship, International Business เป็นต้น หรือใครที่สนใจอยากทำงานสายจิตวิทยา หลักสูตร Psychology ก็จะตอบโจทย์น้องๆ เพื่อต่อยอดสายอาชีพหรือเพิ่มความรู้ต่อไปในการเป็น นักจิตวิทยาบำบัด, นักจิตวิทยา, นักกระตุ้นพัฒนาการ, นักวิชาการ เป็นต้น

3. วิธีการเลือกมหาวิทยาลัยหรือสถาบันที่เหมาะสม

เมื่อเลือกมหาวิทยาลัย น้องๆ หลายคนมักเริ่มต้นเลือกจากการจัดอันดับของสถาบันในสาขาที่น้องๆ สนใจ รวมถึงคุณภาพของคณาจารย์และโอกาสทางการทำงานในสาขานั้น ๆ บางมหาวิทยาลัยมีเครือข่ายที่เข้มแข็งกับบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ซึ่งช่วยเปิดโอกาสในการหางานหลังจากเรียนจบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังต้องพิจารณางบประมาณและความพร้อมในการขอทุนการศึกษาด้วย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากเรื่องของอันดับมหาวิทยาลัยหรือ Ranking แล้ว สิ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือเนื้อหาหลักสูตรและวิชาที่เราจะเรียน เพื่อให้ตอบโจทย์กับสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด ในส่วนนี้พี่ๆ GoUni จะทำงานร่วมกับน้องๆ ในการหาตัวเลือกที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ทั้งอันดับและหลักสูตรให้กับน้องๆ ค่ะ

 ทั้งนี้พี่ๆ GoUni ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายทั้งอังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ทำให้เราสามารถนำเสนอมหาวิทยาลัยที่ตรงกับความต้องการของน้องๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความโดดเด่นด้านวิชาการ หรือไลฟ์สไตล์ในเมืองนั้นๆ ที่เหมาะกับตัวตนของน้องๆ พี่ๆ GoUni ก็สามารถนำเสนอมหาวิทยาลัยที่หลากหลายและตรงใจกับน้องๆ ได้ค่ะ

มหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่นสาขา Data Science and Business Analytics

• University of Bath
• Durham University
• Lancaster University
• University of Nottingham
• University of Southampton
• Aston University
• Brunel University London
• University of Kent
• Queen Mary University of London

มหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่นสาขา Brand Management, Luxury Brand Management 

• Regent’s University London
• Nottingham Trent University
• Brunel University London
• Coventry University
• University Southampton
• University of East Anglia
• University of Lincoln
• University of the Creative Arts
• Birmingham City University

4. กระบวนการสมัครเรียนต่อปริญญาโท

กระบวนการสมัครเรียนต่อนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย แต่โดยส่วนใหญ่จะเริ่มรับสมัครในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือช่วงเดือนกันยายนของทุกๆ ปี กระบวนการรอผล offer มักใช้เวลาตั้งแต่ 1-3 เดือนแล้วแต่ความช้าเร็วในการพิจารณาใบสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัย และจะเริ่มเรียนภาคการศึกษาใหม่ในเดือนกันยายนของปีถัดไป

นั่นหมายความว่าหากน้องๆ อยากเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศในปี 2025 ก็สามารถเริ่มกระบวนการสมัครได้ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2024 เลยค่ะ ยิ่งสมัครเร็ว พี่ๆ GoUni ก็จะช่วยให้คำแนะนำและวางแผนทั้งด้านเอกสารและการเตรียมตัวได้รวดเร็ว อีกทั้งการสมัครเร็วยังได้เปรียบมากๆ เพราะหลายๆ มหาวิทยาลัยจะมีโควต้ารับนักเรียนแต่ละสาขาจำนวนจำกัด ดังนั้นหากน้องๆ ส่งใบสมัครเร็วและผ่านการพิจารณาก็จะมีโอกาสได้รับ offer สูงค่ะ (อย่าลืมน้าว่าเราต้องแข่งขันกับเพื่อนๆ จากทั่วโลกเลย งานนี้ใครเร็วใครได้ค่ะ!)

✨ เอกสารที่ต้องเตรียมในการสมัครเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ✨

มาถึงสิ่งที่ต้องเตรียมในการเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่ 

– Statement of Purpose (SOP) หรือเรียงความที่อธิบายเป้าหมายในการเรียนต่อ 

– Recommendation Letters จดหมายรับรองจากผู้ที่สามารถรับรองคุณสมบัติของเราได้ เช่น อาจารย์ประจำวิชา อาจารย์ที่ปรึกษา หรือผู้ว่าจ้าง หัวหน้างาน เป็นต้น 

– CV หรือประวัติส่วนตัวที่แสดงถึงประสบการณ์การทำงานหรือการศึกษา การฝึกงาน ผลงานต่างๆ 

– ผลคะแนน IELTS หรือ TOEFL ผลวัดระดับภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการสมัครเรียน น้องๆ หลายคนมักสอบถามว่าต้องใช้คะแนน IELTS / TOEFL เท่าไหร่จึงจะได้ offer แต่คำตอบของเรื่องนี้ต้องกลับไปที่คำถามว่าเราจะเรียนสาขาอะไร? เพราะเราต้องเช็คก่อนว่า entry requirement หรือเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละสาขา/มหาวิทยาลัยที่เราจะสมัครกำหนดไว้ที่เท่าไหร่นั่นเอง เพราะฉะนั้นหลายๆ ครั้งพี่ๆ GoUni จึงมักจะแนะนำน้องๆ ว่า “พยายามทำให้ได้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” ก่อน ยิ่งได้คะแนนเยอะก็จะยิ่งมีตัวเลือกทั้งคอร์สและมหาวิทยาลัยในการสมัครได้เยอะขึ้นค่ะ

หากน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบสัมภาษณ์หรือทดสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL อยู่ วิธีที่หลายๆ คนใช้นอกจากการลงคอร์สเตรียมสอบหรือฝึกทำข้อสอบเอง อีกวิธีที่น้องๆ GoUni หลายคนใช้คือการไปเรียนคอร์ส IELTS Preparation ที่โรงเรียนภาษาในต่างประเทศ เพราะนอกจากจะได้เรียนกับเจ้าของภาษาแล้ว ยังเป็นโอกาสให้เราได้ลองใช้ชีวิตจริงๆ ที่นั่นก่อนจะไปเรียนระยะยาวด้วย

5. ทุนการศึกษาและแหล่งทุน

การขอทุนการศึกษาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีทุนการศึกษาอยู่หลายประเภทมาก เช่น ทุนจากรัฐบาล ทุนจากมหาวิทยาลัย หรือทุนจากองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุนการศึกษาต่อต่างประเทศ น้องๆ ควรสำรวจและเตรียมตัวในการสมัครทุนการศึกษาอย่างดี รวมถึงการเขียนเรียงความหรือเตรียมเอกสารประกอบการขอทุน

ในส่วนของทุนการศึกษานั้น ทางมหาวิทยาลัยจะใช้เกณฑ์ในการประกอบการพิจารณาในหลายๆ ส่วน ขึ้นอยู่กับโจทย์ที่กำหนดในแต่ละปี ทั้งนี้ ได้แก่

• ผลคะแนน GPA ล่าสุด
• ผลคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS / TOEFL
• CV

นอกจากนี้การให้ทุนยังขึ้นอยู่กับโจทย์ที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดในการคัดเลือกด้วย เช่น กำหนดหัวข้อและให้นักเรียนถ่ายวิดีโอพูดถึงหัวข้อนั้นๆ, การเขียนเรียงความ, การสัมภาษณ์และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเพื่อตอบคำถามชิงทุน เป็นต้น

แล้วน้องๆ รู้จักประเภทของทุนการศึกษากันหรือไม่?

ไหนใครอยากได้ทุน มามุงกันทางนี้ด่วนๆ! วันนี้พี่ๆ GoUni ขอมาบอกต่อประเภททุนกันซักหน่อยว่าจริงๆ แล้ว ทุนสำหรับเรียนต่อประเทศอังกฤษมีอะไรบ้าง มีทุน 100% มั้ย? ตามอ่านกันได้เลย

ทุนเต็ม 100%

• สำหรับทุนที่สนับสนุนค่าเรียน 100% นั้น น้องๆ จะต้องทำการติดต่อเพื่อสมัครและยื่นขอทุนจากรัฐบาลด้วยตัวเองค่ะ เช่น การสอบทุน กพ. หรือ ทุน Chevening เป็นต้น
• หลังจากที่ได้ทุนแล้ว น้องๆ สามารถติดต่อพี่ๆ GoUni เพื่อช่วยยื่นสมัครกับทางมหาวิทยาลัยได้เลย
• ดูรายละเอียดทุนเพิ่มเติมได้ที่นี่จ้า:
  • ทุน ก.พ.: https://www.ocsc.go.th/scholarship/personal
  • ทุน Chevening: https://www.chevening.org/scholarship/thailand/

ทุน Partial Scholarship

• ทุนนี้จะเป็นทุนสมทบบางส่วน จะให้ตามสัดส่วนผลการเรียนของเรา โดยสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 GBP
• บางสาขาวิชาอาจจะมีเกณฑ์การให้ทุนโดยดูจากหลายปัจจัย เช่น ผลการเรียน, การเขียน Essey, การสัมภาษณ์ เป็นต้น
• ยิ่งสมัครทุนเร็ว โอกาสที่จะได้ทุนก็จะยิ่งสูง! เพราะต้องอย่าลืมว่าเราต้องแข่งกับคนเก่งๆ เหมือนเราจากทั่วโลกเลย

**ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากน้องๆ จะได้ทุนส่วนลดค่าเรียนแล้ว ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เราต้องเตรียมไปด้วย เช่น pocket money, ค่าเดินทาง, ค่าที่พัก ฯลฯ

**อ่านข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษา / ประเภททุน / วิธีการเตรียมตัวก่อนสมัครทุนได้ที่นี่เลย

6. การจัดการงบประมาณและค่าใช้จ่าย

การวางแผนงบประมาณเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ น้องๆ จะต้องคำนึงถึงทั้งค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าครองชีพในประเทศที่จะไปเรียน ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศและเมืองที่เลือก อาจมีบางประเทศที่อนุญาตให้นักเรียนทำงานพาร์ทไทม์ได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนปริญญาโทประเทศอังกฤษจะมีความแตกต่างกันระหว่างการเรียนมหาวิทยาลัยในลอนดอนและนอกลอนดอน โดยข้อมูลล่าสุดจาก The UK Council for International Student Affairs (UKCISA) ได้กำหนดเรทค่าครองชีพที่มีการปรับขึ้นในปี 2025 ไว้ดังนี้

• ค่าครองชีพในลอนดอน จะอยู่ที่ £1483 / เดือน (หรือประมาณ 63,xxx บาท)
• ค่าครองชีพนอกลอนดอน จะอยู่ที่ £1136 / เดือน (หรือประมาณ 48,xxx บาท)

ทั้งนี้แม้ว่าการยื่นวีซ่าเพื่อไปเรียนปริญญาโทอังกฤษจะไม่ได้มีการกำหนดให้ต้องยื่น Bank Statement เหมือนการไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ แต่ทางพี่ๆ GoUni ที่เป็นผู้ดูแลน้องๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเรียนจนถึงการยื่นวีซ่าก็จะช่วยแนะนำและให้ข้อมูลในการเตรียมงบประมาณเพื่อให้การเรียนต่อตลอด 1 ปีของน้องๆ ทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดนั่นเอง

7. การเตรียมตัวด้านวีซ่าและการใช้ชีวิตในต่างประเทศ

การขอวีซ่าสำหรับนักเรียนมีกระบวนการที่ซับซ้อน ดังนั้นน้องๆ ควรเตรียมตัวและศึกษาเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครวีซ่าตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายการทำงาน การประกันสุขภาพ และวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ เพื่อการปรับตัวได้อย่างราบรื่นเมื่อน้องๆ เดินทางไปถึง 

ข้อได้เปรียบของการสมัครเรียนกับ GoUni คือพี่ๆ GoUni จะทำการสมัครเรียนให้ รวมถึงดูแล แนะนำ และวางแผนการยื่นวีซ่าให้อย่างครอบคลุมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

Tips: เรียนต่อป.โท UK ต้องรู้! สำหรับปี 2025 ทางอังกฤษจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ eVisa ตั้งแต่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป ดังนั้นจะมีผลกับน้องๆ ที่หน้าบัตร BRP หมดอายุ 31 ธันวาคม 2024 ซึ่งพี่ๆ มีวิธีการทำ eVisa มาให้ดูกัน และไม่ต้องห่วงไป เพราะพี่ๆ GoUni มาบอกวิธีแล้ว คลิกอ่านได้ที่นี่เลย

8. โอกาสทางอาชีพหลังจบปริญญาโท

หลังจากที่น้องๆ จบการศึกษาแล้ว บอกเลยว่าโอกาสในการทำงานทั้งที่ต่างประเทศหรือจะกลับมาทำงานในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน น้องๆ สามารถใช้เครือข่ายที่ได้จากการเรียนเพื่อหางานในสาขาที่คุณสนใจได้อย่างรวดเร็ว (บางคนได้มีโอกาสในการฝึกงานหรือได้ทำโปรเจ็คช่วงที่เรียนอยู่ก็สามารถต่อยอดจากจุดนั้นได้เช่นกัน) 

หลายๆ ประเทศเปิดโอกาสให้น้องๆ สามารถอยู่ต่อได้หลังเรียนจบการศึกษา เช่น ประเทศอังกฤษอนุญาตให้น้องๆ สามารถอยู่ต่อด้วยวีซ่า Graduate Route เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือหากเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็สามารถอยู่ต่อด้วยวีซ่าด้วย F1 Optional Practical Training (OPT) แบบ post-completion OPT อีก 1-2 ปี คือ หากเรียนสาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายวิทย์จะอยู่ต่อได้ 1 ปี ในขณะที่ใครเรียนจบจากสาขาทางด้าน STEM (Science, Technology, Engineering, Math) นอกจากจะสามารถอยู่ต่อได้ 1 ปีแล้ว เค้ายังเพิ่มเวลาให้อยู่ต่อได้อีก 2 ปี รวมเป็นทั้งหมด 3 ปีเลยทีเดียว

9. เรื่องเล่าจากศิษย์เก่าหรือผู้มีประสบการณ์

การเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่เคยไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วจะช่วยให้น้องๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การศึกษา และการทำงานในต่างประเทศ รวมไปถึงเคล็ดลับในการเรียนและการปรับตัวจากศิษย์เก่าหรือผู้มีประสบการณ์ด้วยค่ะ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหากน้องๆ ติดตาม Line Official Account ของ GoUni ไว้ก็จะสามารถติดตามกิจกรรมดีๆ ที่พี่ๆ จัดขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมพูดคุยกับศิษย์เก่าที่เราจัดอยู่เป็นประจำแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้น้องๆ GoUni ที่กำลังจะเดินทางไปเรียนทุกรุ่นจะได้เข้าร่วมกิจกรรม GoUni Pre-Departure Day ซึ่งจะเป็นวันที่น้องๆ ได้มารับฟังวิธีการเตรียมตัวก่อนเดินทาง การจัดเตรียมเอกสารต่างๆ การติดต่อมหาวิทยาลัย หอพัก การเดินทาง การเปิดบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ การเปิดใช้ซิมการ์ด รวมไปถึงได้รับฟังข้อมูลจากรุ่นพี่ GoUni ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ในงานด้วย เรียกว่าเป็นงานที่เตรียมความพร้อมให้กับน้องๆ จนถึงช่วงก่อนบินเลยทีเดียว

สรุปสำหรับคนที่อยากเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ

การเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่มีคุณค่าในการเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ที่ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงเส้นทางการทำงานของน้องๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างมุมมองระดับสากลที่น้องๆ สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาตัวเองในระยะยาว พี่ๆ GoUni พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของน้องๆ และยินดีช่วยเหลือในทุกๆ ขั้นตอนเพื่อให้ประสบการณ์ในการไปเรียนต่อต่างประเทศของทุกคนราบรื่นที่สุดค่ะ