GoUni – เรียนต่อต่างประเทศ

ระบบการศึกษาในโรงเรียนประจำ อังกฤษมีความเป็นเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพการเรียนการสอนมาอย่างช้านาน ด้วยมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ทำให้การไปเรียนต่อในระดับมัธยมที่ประเทศอังกฤษได้รับความนิยมเสมอมา วันนี้ GoUni จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับระบบการศึกษา รวมถึงบอกต่อสิ่งที่น้องๆ นักเรียนไทยควรรู้ก่อนเข้าเรียนโรงเรียนประจำ อังกฤษ กันค่ะ

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

การศึกษาในระดับมัธยม (Secondary Education) ของอังกฤษแบ่งเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ Traditional Schools และ International Schools (ดูตัวอย่างความแตกต่างของโรงเรียนได้ที่นี่) ซึ่งทั้งสองประเภทมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครองที่แตกต่างกันไป

Traditional Schools (โรงเรียนแบบดั้งเดิม)

โรงเรียนแบบดั้งเดิมในอังกฤษแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ โรงเรียนรัฐบาล (State Schools) และ โรงเรียนเอกชน (Independent Schools หรือ Private Schools)

1. State Schools (โรงเรียนรัฐบาล)

โรงเรียนรัฐบาลในอังกฤษให้การศึกษาโดยไม่เก็บค่าเทอม ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยโรงเรียนเหล่านี้ใช้หลักสูตรแห่งชาติ (National Curriculum) ที่กำหนดโดยรัฐบาล ซึ่งหลักสูตรนี้ครอบคลุมวิชาพื้นฐานต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภาษาอังกฤษ

ข้อดีของโรงเรียนรัฐบาล

  • ไม่เก็บค่าเทอม ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวทั่วไป
  • มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและนักเรียนจากพื้นเพต่าง ๆ

ข้อเสียของโรงเรียนรัฐบาล

  • จำนวนนักเรียนในห้องเรียนค่อนข้างมาก
  • อาจขาดทรัพยากรการเรียนการสอนในบางพื้นที่
โรงเรียนประจำที่อังกฤษแบบ traditional_Bournemouth Collegiate School_GoUni

2. Independent Schools (โรงเรียนเอกชน)

โรงเรียนเอกชนในอังกฤษมีค่าเทอมและมีการบริหารจัดการอย่างอิสระจากรัฐบาล โดยมักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีและมีคุณภาพการเรียนการสอนที่สูงกว่าโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนมักมีชื่อเสียงในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ

ข้อดีของโรงเรียนเอกชน

  • มีทรัพยากรการเรียนการสอนที่ดี เช่น ห้องแล็บที่ทันสมัยและอุปกรณ์การเรียนที่ครบครัน
  • คลาสเรียนมีขนาดเล็ก ทำให้ครูสามารถดูแลนักเรียนได้ใกล้ชิด
  • มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและความสามารถพิเศษมากมาย

ข้อเสียของโรงเรียนเอกชน

  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • บางโรงเรียนอาจขาดความหลากหลายทางวัฒนธรรม

International Schools (โรงเรียนนานาชาติ)

โรงเรียนประจำที่อังกฤษแบบ international_the worthgate school_gouni

โรงเรียนนานาชาติในอังกฤษเป็นโรงเรียนที่เปิดสอนหลักสูตรที่แตกต่างจากหลักสูตรแห่งชาติ โดยเน้นการเตรียมตัวนักเรียนสำหรับการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่น หลักสูตร International Baccalaureate (IB), หลักสูตร A-Level และ หลักสูตร IGCSE โรงเรียนเหล่านี้มักมีนักเรียนที่มาจากหลากหลายประเทศและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง

ข้อดีของโรงเรียนนานาชาติ

  • มีการเรียนการสอนที่หลากหลายและมุ่งเน้นทักษะการเรียนรู้ระหว่างประเทศ
  • นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลาย
  • เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ข้อเสียของโรงเรียนนานาชาติ

  • ค่าเทอมค่อนข้างสูง
  • จำนวนโรงเรียนนานาชาติอาจมีจำกัดเมื่อเทียบกับโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน

ระบบการเรียนของนักเรียนมัธยมในอังกฤษ

การศึกษาในระดับมัธยมของอังกฤษแบ่งออกเป็นสองช่วงหลัก ได้แก่ Key Stage 3 (Year 7-9) และ Key Stage 4 (Year 10-11) โดยในช่วง Key Stage 4 นักเรียนจะต้องสอบวัดผลเพื่อรับวุฒิการศึกษา General Certificate of Secondary Education (GCSE) หลังจากนั้นนักเรียนสามารถเลือกที่จะเรียนต่อในระดับ Sixth Form (Year 12-13) ซึ่งเป็นช่วงการเตรียมตัวเข้าสู่มหาวิทยาลัย โดยนักเรียนส่วนใหญ่จะเรียน A-Level หรือหลักสูตรอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการศึกษา

ระบบการศึกษาในระดับมัธยมของประเทศอังกฤษมีความหลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของนักเรียนและครอบครัว โรงเรียนแบบดั้งเดิมและโรงเรียนนานาชาติมีจุดเด่นและข้อเสียที่ต่างกันไป การเลือกประเภทโรงเรียนที่เหมาะสมควรพิจารณาจากเป้าหมายทางการศึกษา ความสามารถทางการเงิน และความต้องการเฉพาะของนักเรียนเอง

ค่าใช้จ่ายในการเรียนโรงเรียนประจำ อังกฤษ

ค่าใช้จ่ายในการเรียนโรงเรียนประจำ (Boarding School) ในอังกฤษอาจสูง เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีคุณภาพการเรียนการสอนที่ดีเยี่ยมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ต่อไปนี้คือรายละเอียดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่นักเรียนและผู้ปกครองควรทราบ:

DLD College London เป็นโรงเรียนประจำที่อังกฤษที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน
DLD College London ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน เป็นโรงเรียนประจำ โดยมีชื่อเสียงด้านการเตรียมนักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก

1. ค่าเทอม

ค่าเทอมของโรงเรียนประจำในอังกฤษจะแตกต่างกันไปตามประเภทของโรงเรียน โดยโรงเรียนเอกชนมักจะมีค่าเทอมสูงกว่าโรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของโรงเรียนประจำในอังกฤษมีดังนี้:

  • โรงเรียนเอกชน (Private Boarding Schools): ประมาณ £30,000 – £50,000 ต่อปี ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและมาตรฐานของโรงเรียน
  • โรงเรียนรัฐบาล (State Boarding Schools): ประมาณ £10,000 – £18,000 ต่อปี ค่าใช้จ่ายนี้ครอบคลุมเฉพาะค่าที่พักและอาหาร ส่วนค่าเรียนไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนอังกฤษและนักเรียนใน EU (แต่สำหรับนักเรียนนอก EU จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

2. ค่าที่พักและอาหาร

สำหรับโรงเรียนประจำ ค่าใช้จ่ายที่พักและอาหารมักจะรวมอยู่ในค่าเทอมแล้ว นักเรียนจะได้รับที่พักในหอพักของโรงเรียน ซึ่งมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ และมีอาหารให้บริการครบทั้งสามมื้อทุกวัน

3. ค่ากิจกรรมนอกหลักสูตรและการทัศนศึกษา

โรงเรียนประจำหลายแห่งในอังกฤษจะจัดกิจกรรมนอกหลักสูตร เช่น การทัศนศึกษา กีฬา ศิลปะ และกิจกรรมสร้างเสริมทักษะ ค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมเหล่านี้มักจะรวมอยู่ในค่าเทอม แต่บางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับกิจกรรมพิเศษ

Oxford Sixth Form เป็นโรงเรียนประจำที่อังกฤษแบบเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด
Oxford Sixth Form เป็นโรงเรียนประจำ อังกฤษ แบบเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด โรงเรียนเปิดสอนหลักสูตรที่ยืดหยุ่น เช่น A-Level, BTEC, และ GCSE พร้อมทั้งมีโปรแกรม University Foundation เพื่อเตรียมนักเรียนสำหรับการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี

4. ค่าหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียน

ค่าใช้จ่ายสำหรับหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียนจะอยู่ที่ประมาณ £500 – £1,000 ต่อปี ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่เลือกเรียน บางโรงเรียนอาจมีค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการใช้ห้องแล็บวิทยาศาสตร์หรือสตูดิโอศิลปะ

5. ค่าเครื่องแบบนักเรียน

โรงเรียนประจำส่วนใหญ่ในอังกฤษจะกำหนดให้นักเรียนใส่เครื่องแบบ ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับชุดเครื่องแบบนักเรียน รวมถึงชุดกีฬาและเครื่องแต่งกายอื่น ๆ จะอยู่ที่ประมาณ £300 – £1,000 ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโรงเรียนแต่ละแห่ง

6. ค่าประกันสุขภาพ

การทำประกันสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียนต่างชาติที่มาเรียนในอังกฤษ ค่าใช้จ่ายสำหรับการทำประกันสุขภาพ (Health Insurance) จะอยู่ที่ประมาณ £500 – £1,000 ต่อปี ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันและความครอบคลุมของแผนประกัน

7. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว

นักเรียนอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพิ่มเติม เช่น ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่าของใช้ส่วนตัว ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจอยู่ที่ประมาณ £1,000 – £3,000 ต่อปี ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตและความต้องการของนักเรียน

สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการเรียนโรงเรียนประจำ อังกฤษ

ประเภทค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายต่อปี (ประมาณการ)ค่าใช้จ่ายต่อปี (ไทยบาท)
ค่าเทอม (โรงเรียนเอกชน)£30,000 – £50,0001,320,000 – 2,200,000 บาท
ค่าเทอม (โรงเรียนรัฐบาล)£10,000 – £18,000440,000 – 792,000 บาท
ค่าหนังสือเรียนและอุปกรณ์การเรียน£500 – £1,00022,000 – 44,000 บาท
ค่าเครื่องแบบนักเรียน£300 – £1,00013,200 – 44,000 บาท
ค่าประกันสุขภาพ£500 – £1,00022,000 – 44,000 บาท
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว£1,000 – £3,00044,000 – 132,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (เอกชน)£32,300 – £56,0001,421,200 – 2,464,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (รัฐบาล)£12,300 – £21,000541,200 – 924,000 บาท

หมายเหตุ: การคำนวณค่าใช้จ่ายในไทยบาทใช้ค่าเงินอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ £1 = 44 บาท (ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละช่วงเวลา ควรตรวจสอบค่าเงินปัจจุบันก่อนทำการวางแผนการเงิน)

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครอง

การเลือกโรงเรียนประจำในอังกฤษควรพิจารณาจากงบประมาณและความเหมาะสมกับลักษณะนิสัยและเป้าหมายของนักเรียน นอกจากนี้ ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และอาจติดต่อกับตัวแทนการศึกษาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบทุนการศึกษาที่โรงเรียนอาจมีให้เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเรียน

การสมัครเรียนต่อโรงเรียนประจำ อังกฤษสำหรับน้อง ๆ นักเรียนไทย

การเรียนต่อในประเทศอังกฤษเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับนักเรียนไทย เนื่องจากระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง เพื่อให้น้อง ๆ นักเรียนไทยเข้าใจขั้นตอนการสมัครเรียนต่อระดับมัธยมในประเทศอังกฤษได้ง่ายขึ้น นี่คือข้อมูลสำคัญที่ควรทราบ:

1. การเลือกโรงเรียนประจำ อังกฤษ

น้อง ๆ ต้องพิจารณาว่าต้องการเรียนในโรงเรียนแบบดั้งเดิม (Traditional Schools) หรือโรงเรียนนานาชาติ (International Schools) โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  • หลักสูตรการเรียนการสอน (เช่น National Curriculum, A-Level, หรือ IB)
  • ความต้องการในการเตรียมตัวเข้าสู่มหาวิทยาลัยในอนาคต
  • ค่าเทอมและงบประมาณของครอบครัว
  • ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโรงเรียน

2. การตรวจสอบคุณสมบัติและข้อกำหนดในการรับสมัคร

แต่ละโรงเรียนจะมีข้อกำหนดในการรับสมัครแตกต่างกัน เช่น:

  • ผลการเรียนที่ผ่านมา (Transcript)
  • ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL สำหรับนักเรียนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
  • การทดสอบวัดระดับความรู้ (บางโรงเรียนอาจต้องการผลการทดสอบที่เฉพาะเจาะจง)

3. การเตรียมเอกสารการสมัคร

ในการสมัครเรียนต่อ นักเรียนไทยจะต้องจัดเตรียมเอกสารต่อไปนี้:

  • ใบแสดงผลการเรียน (Transcript) จากโรงเรียนปัจจุบัน
  • ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ (เช่น IELTS, TOEFL)
  • จดหมายแนะนำตัว (Personal Statement) ที่อธิบายเกี่ยวกับความสนใจส่วนตัว เหตุผลที่เลือกเรียนต่อในอังกฤษ และเป้าหมายในอนาคต
  • จดหมายรับรองจากครู หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ยืนยันความสามารถและคุณลักษณะของนักเรียน
  • สำเนาหนังสือเดินทาง ที่ยังไม่หมดอายุ

4. การสมัครผ่านระบบออนไลน์

โรงเรียนหลายแห่งในอังกฤษมีระบบการสมัครออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์ของโรงเรียนโดยตรง บางโรงเรียนอาจใช้ระบบการสมัครกลาง เช่น UCAS สำหรับการสมัครเรียนในระดับที่สูงขึ้น แต่ในกรณีของโรงเรียนมัธยม นักเรียนอาจต้องส่งใบสมัครโดยตรงไปยังโรงเรียนที่ต้องการ

5. การสอบสัมภาษณ์

บางโรงเรียนอาจมีการสอบสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอหรือทางออนไลน์ เพื่อประเมินความเหมาะสมของนักเรียน ซึ่งควรเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง โรงเรียนที่ต้องการสมัคร และหลักสูตรที่สนใจ

6. การเตรียมตัวสำหรับการยื่นขอวีซ่า

เมื่อนักเรียนได้รับการตอบรับเข้าเรียนแล้ว ต้องดำเนินการขอวีซ่าประเภท Student Visa เพื่อเข้าเรียนในประเทศอังกฤษ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้:

  • หนังสือตอบรับจากโรงเรียนในอังกฤษ
  • ใบแจ้งยอดเงินฝากในบัญชี (เพื่อยืนยันว่ามีเงินเพียงพอสำหรับการศึกษาและการใช้ชีวิตในอังกฤษ)
  • เอกสารการตรวจสุขภาพ และใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance)

7. การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง

น้อง ๆ ควรทำการศึกษาเกี่ยวกับวิถีชีวิตในอังกฤษ รวมถึงการจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็น เช่น เครื่องใช้ส่วนตัว เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศในแต่ละฤดู และการศึกษาวิธีการเดินทางในเมืองที่โรงเรียนตั้งอยู่

8. คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครอง

ผู้ปกครองสามารถขอคำแนะนำจาก ตัวแทนการศึกษาหรือนักเรียนที่เคยเรียนในอังกฤษ เพื่อความมั่นใจในการเลือกโรงเรียนและการเตรียมตัว นอกจากนี้ ควรติดตามการเรียนรู้และพัฒนาของนักเรียนอย่างใกล้ชิด และสนับสนุนในการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่

การเลือกโรงเรียนประจำในอังกฤษควรพิจารณาจากงบประมาณและความเหมาะสมกับลักษณะนิสัยและเป้าหมายของนักเรียน นอกจากนี้ ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และอาจติดต่อกับตัวแทนการศึกษาเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบทุนการศึกษาที่โรงเรียนอาจมีให้เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเรียน

คำถามที่มีการถามบ่อยจากน้องๆ และผู้ปกครองที่สนใจศึกษาต่อโรงเรียนประจำ อังกฤษ (Boarding School)

เมื่อพูดถึงการส่งบุตรหลานไปเรียนที่โรงเรียนประจำในอังกฤษ นักเรียนและผู้ปกครองไทยมักมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา การใช้ชีวิต และค่าใช้จ่าย คำถามยอดนิยมที่พบบ่อย ได้แก่:

เรื่องการเรียนการสอน (โรงเรียนประจำในอังกฤษ / Boarding School)

1. โรงเรียนมีหลักสูตรอะไรบ้าง เช่น A-Level, IB, หรือ GCSE?

คำตอบ:
โรงเรียนประจำในอังกฤษส่วนใหญ่มีหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น:

  • GCSE (General Certificate of Secondary Education): หลักสูตรพื้นฐานที่นักเรียนเรียนในช่วงอายุ 14-16 ปี เพื่อสร้างพื้นฐานในวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ รวมถึงวิชาเลือก เช่น ศิลปะ, ภาษาต่างประเทศ
  • A-Level (Advanced Level): หลักสูตร 2 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 16-18 ปี ที่ต้องการเรียนเชิงลึกในวิชาเฉพาะ 3-4 วิชา เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
  • IB (International Baccalaureate): หลักสูตรที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น มี 6 กลุ่มวิชาหลัก พร้อมการเรียนรู้แบบองค์รวม เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยระดับนานาชาติ
  • BTEC (Business and Technology Education Council): หลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติในสาขาเฉพาะ เช่น ธุรกิจ, เทคโนโลยี, หรือศิลปะ

2. วิธีการสอนและแนวทางการเรียนที่โรงเรียนเป็นแบบไหน?

คำตอบ:
โรงเรียนประจำในอังกฤษมักใช้วิธีการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ครูผู้สอนมีความเชี่ยวชาญในวิชาเฉพาะ และมีการสอนในชั้นเรียนขนาดเล็กเพื่อให้ดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ โรงเรียนยังสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน เช่น การทดลองในห้องปฏิบัติการ การวิจัย และการอภิปรายในหัวข้อสำคัญ เพื่อเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์และความมั่นใจในการแสดงความคิด

3. นักเรียนต่างชาติมีโอกาสเรียนเสริมภาษาอังกฤษหรือไม่?

คำตอบ:
มีอย่างแน่นอน โรงเรียนประจำในอังกฤษส่วนใหญ่มักมีโปรแกรม EAL (English as an Additional Language) ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยนักเรียนต่างชาติที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ครอบคลุมทั้งการเขียน การพูด การฟัง และการอ่าน เพื่อให้สามารถเรียนในวิชาหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. โรงเรียนมีอัตราส่วนนักเรียนต่อครูเท่าไร?

คำตอบ:
โรงเรียนประจำในอังกฤษมักมีอัตราส่วนนักเรียนต่อครูประมาณ 8:1 ถึง 12:1 ซึ่งเป็นจำนวนนักเรียนที่ไม่มากเกินไป ทำให้ครูสามารถดูแลและให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลได้อย่างเต็มที่

5. สามารถเลือกวิชาเรียนตามความสนใจได้มากน้อยแค่ไหน?

คำตอบ:
ในระดับ GCSE นักเรียนสามารถเลือกวิชาเลือกได้จากกลุ่มวิชาที่โรงเรียนเสนอ เช่น ศิลปะ, ดนตรี, การออกแบบ, หรือภาษาต่างประเทศ ในระดับ A-Level และ IB นักเรียนจะมีอิสระมากขึ้นในการเลือกวิชาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการศึกษาต่อ เช่น วิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนแพทย์ หรือเศรษฐศาสตร์สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนธุรกิจ

6. นักเรียนมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำหรือไม่?

คำตอบ:
โรงเรียนประจำในอังกฤษส่วนใหญ่มีประวัติการส่งนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น Oxford, Cambridge, Imperial College London, และมหาวิทยาลัยใน Russell Group โรงเรียนยังมีโปรแกรมแนะแนวและการช่วยเหลือในการสมัคร UCAS รวมถึงการเตรียมตัวสัมภาษณ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัยที่นักเรียนต้องการ

เรื่องการสมัครเรียน (โรงเรียนประจำในอังกฤษ / Boarding School)

1. ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการสมัคร?

คำตอบ:
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครเรียนโรงเรียนประจำในอังกฤษ ได้แก่:

  • Transcript และผลการเรียนล่าสุด: เพื่อแสดงความสามารถทางวิชาการ
  • จดหมายรับรอง (Recommendation Letter): จากครูหรือนายโรงเรียนที่แสดงถึงศักยภาพและนิสัยของนักเรียน
  • Statement of Purpose (SOP) หรือ Personal Statement: อธิบายเหตุผลที่ต้องการเรียนโรงเรียนนี้
  • สำเนาพาสปอร์ต
  • ผลสอบภาษาอังกฤษ (ถ้ามี): เช่น IELTS, TOEFL, หรือผลการสอบอื่นๆ ที่โรงเรียนกำหนด
  • ใบสมัครที่กรอกครบถ้วน: ตามแบบฟอร์มของโรงเรียน

2. นักเรียนต้องสอบหรือสัมภาษณ์อะไรเพื่อเข้ารับการพิจารณาหรือไม่?

คำตอบ:

  • การสอบข้อเขียน: นักเรียนอาจต้องสอบข้อเขียนในวิชาพื้นฐาน เช่น คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ เพื่อประเมินความเหมาะสมของระดับการเรียน
  • การสัมภาษณ์ (Interview): โรงเรียนส่วนใหญ่มักจัดสัมภาษณ์เพื่อทำความรู้จักนักเรียน และตรวจสอบความเหมาะสมด้านทักษะและเป้าหมาย
  • บางโรงเรียนอาจต้องการให้นักเรียนทำ แบบทดสอบความถนัด (Aptitude Test) ในวิชาเฉพาะ

3. มีข้อกำหนดเรื่องผลการเรียนหรือภาษาอังกฤษอย่างไร?

คำตอบ:
โรงเรียนประจำส่วนใหญ่กำหนดให้นักเรียนมีผลการเรียนดีในวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สามารถเรียนร่วมกับนักเรียนคนอื่นได้

  • หากภาษาอังกฤษยังไม่ถึงเกณฑ์ อาจต้องเรียนโปรแกรมเสริมภาษาอังกฤษ (EAL) ก่อนเริ่มเรียนในหลักสูตรปกติ

4. ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยื่นสมัครเรียนคือช่วงไหน?

คำตอบ:
การยื่นสมัครเรียนโรงเรียนประจำอังกฤษควรเริ่มต้นล่วงหน้าอย่างน้อย 6-12 เดือน ก่อนปีการศึกษาที่ต้องการเริ่มเรียน

  • รอบปีการศึกษาส่วนใหญ่เริ่มในเดือนกันยายน
  • การยื่นสมัครแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้นักเรียนมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการสอบและสัมภาษณ์

สนใจอยากเรียนต่อมัธยมอังกฤษ สามารถสอบถามพี่ๆ GoUni ได้เลย

สอบถาม GoUni

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *